Sunday, December 25, 2016

กำแพงเมืองจีน หรือ ว่านหลี่ฉางเฉิง (Wan Li Cheng or Great Wall)

กำแพงเมืองจีน เป็นสิ่งก่อสร้าง 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ตั้งอยู่ทางเหนือของกรุงปักกิ่งเป็นระยะประมาณ 70 กิโลเมตร เริ่มสร้างเมื่อ 2,500 ปีที่แล้ว ในสมัยจ้านกว๋อทีแบ่งแยกดินแดน ทำสงครามสู้รบเพื่อแย่งกันเป็นใหญ่ของแต่ละก๊ก ต่างก็สร้างกำแพงเพื่อความมั่นคงของงตนเอง แนวกำแพงจะทอดตัวลัดเลี้ยวไปตามแนวภูเขาเขตภาคเหนือของจีน ระยะทางยาวกว่า 10,000 ลี้ จึงเรียกว่า “ว่านหลี่ฉางเฉิง” (กำแพงหมื่นลี้) ในอดีตเชื่อกันว่ายาวถึง 9,000 กิโลเมตร
• มาถึงยุคของพระเจ้าจิ๋นซีฮ่องเต้ ได้ทรงปราบปรามก๊กต่างๆ ทั้ง 6 ก๊กได้สำเร็จ รวบรวมจีนเป็นหนึ่งเดียว และเพื่อป้องกันชาวซงหนู ชนเผ่าเร่ร่อนที่ทำปศุสัตว์ เข้ามาบุกรุกและปล้นสะดม จึงทรงสั่งให้ปรับปรุงกำแพง และมีการบูรณะแก้ไขเพิ่มเติมทั้งในสมัยฮั่น ถัง และหมิง ปัจจุบันที่เห็นเป็นกำแพงของราชวงศ์หมิง (ค.ศ.1368 – 1644)
• นับเป็นครั้งแรกในโลกที่มีการนำอิฐมาสร้างกำแพงแทนการใช้ดินอัดตามแบบดั้งเดิม ราชวงศ์หมิงสร้างกำแพงช่วงใหม่ขึ้นทางตอนบนของปักกิ่ง ยาว 630 กิโลเมตร โดยหวังจะให้เป็นปราการและหอส่งต่อสัญญาณแจ้งเตือนให้ทางเมืองหลวงรู้ตัว เพื่อจะได้เตรียมต้านรับการบุกโจมตีของชนเผ่าซงหนูจากทางเหนือได้ทันท่วงที โดยทหารยามในหอคอย(สูง 12 เมตร) จะส่งสัญญาณไฟและสัญญาณควันต่อกันมาเป็นทอดๆ ทุกๆ 60 เมตร แต่ในที่สุด กองทัพของแมนจูก็สามารถตีฝ่าแนวกำแพงเมืองจีนบุกเข้ายึดปักกิ่งได้ และตั้งราชวงศ์ชิงขึ้นปกครองจีนแทนราชวงศ์หมิงได้สำเร็จ
• ในการก่อสร้างต่อเติม และซ่อมแซมกำแพงเมืองตลอด ช่วงเวลาหลายร้อยปีต่อมา มีแรงงานถูกเกณฑ์มาหลายแสน หลายล้านคน ส่วนใหญ่ก็ต้องมาทิ้งชีวิตและซากร่างเอาไว้ใต้กำแพงนั่นเอง หลังจากนั้นกำแพงก็ต้องมาถูกทิ้งร้างทรุดโทรมในสภาพปรักหักพังเสียเป็นส่วนใหญ่ บางช่วงเห็นแต่เพียงแนวคันดินพอเป็นร่องรอยเท่านั้น ที่เคยกล่าวกันไว้ว่า “กำแพงเมืองจีนนี้เป็นสิ่งปลูกสร้างเพียงหนึ่งเดียวบนพื้นโลกที่มนุษย์อวกาศสามารถเห็นได้จากนอกโลก” ประธานเหมาเจ๋อตุงเคยกล่าวไว้ว่า “ผู้ใดที่เกิดเป็นชายแล้วยังไม่เคยปีนขึ้นไปบนกำแพงเมืองจีน ผู้นั้นไม่ใช่คนจริง”
• กำแพงเมืองจีนช่วงที่มีคนนิยมมาเที่ยวชมมากที่สุดคือ “ปาต๋าหลิ่ง” (Badaling) อยู่ห่างจากกรุงปักกิ่ง 67 กิโลเมตร ได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ในปีค.ศ.1957 วิวทิวทัศน์ขุนเขากำแพงแถบนี้สวยงาม แนวของกำแพงเหยียดตัวไปตามแนวสันเขา สูงๆต่ำๆ แลดูคล้ายระลอกคลื่น หรือมังกรยักษ์เลื้อยไปตามสันเขา มีความสูง 7 เมตร กว้าง 5 เมตร สร้างในสมัยราชวงศ์หมิง ใช้วัสดุทั้งดินอัดแข็ง หิน และอิฐ มีหอไฟสัญญาณเป็นระยะๆตลอดรายทาง กำแพงช่วงที่ถูกบูรณะขึ้นใหม่ยาว 2 กิโลเมตร สามารถปีนป่ายเที่ยวได้อย่างสบายๆ แต่พ้นจากนี้ไปก็จะมีสภาพหักพังจนไม่สามารถเดินได้
• ปลายกำแพงด้านเหนือมีกระเช้าไฟฟ้านำนักท่องเที่ยวขึ้น-ลงจากบริเวณลานจอดรถ ที่เชิงกำแพงข้างล่างมีทั้งร้านค้า ร้านอาหาร พ่อค้าแม่ค้าหาบเร่ โรงภาพยนตร์ รถทัวร์ แม้กระทั่งร้านฟาสต์ฟู้ด (ไก่ทอดเคเอฟซี) ก็ยังมี
• แต่ในปัจจุบันทัวร์มักจะแวะชมช่วงที่อยู่ใกล้ที่สุด ผู้คนไม่หนาแน่นมากนักคือ “จีหย่งกวน”(Juyongguan) อยู่ห่างจากกรุงปักกิ่ง 50 กิโลเมตร เป็นซุ้มประตูด่านปราการที่อยู่ใกล้ปักกิ่งมากที่สุด เพิ่งเปิดให้คนมาเที่ยวชมเมื่อปี ค.ศ.1998 เป็นด่านสุดท้ายที่ปกป้องรักษาความปลอดภัยของปักกิ่ง สร้างในปี ค.ศ.1345 มีการจำหลักเรื่องราวทางพุทธศาสนา มีจารึกภาษาจีน ทิเบต สันสกฤต และภาษาชนเผ่าทางเหนือประดับไว้ด้วย มีวัดและสวนอยู่กระจายในบริเวณใกล้เคียง สร้างในสมัยราชวงศ์หมิง หลายแห่งได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่ กำแพงในช่วงนี้ทอดยาวไปตามแนวเทือกเขาไท่หังซาน โดยมีความยาวกว่า 4 กิโลเมตร
• กำแพงเมืองจีนที่เห็นกันอยู่ในปัจจุบันนี้ ส่วนมากจะเป็นกำแพงในสมัยราชวงศ์หมิง ที่เริ่มจากด้านทิศตะวันออกด่านซานไห่กวน ติดทะเลเป๋อไห่ มาจรดด้านทิศตะวันตก จบที่ด่านกานสูเจียอี่กวนในมณฑลกานสู ยาว 6,700 กิโลเมตร (ยาวที่สุดในโลก)


ที่มา : http://www.oceansmile.com 


No comments:

Post a Comment